วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

บทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง Present Simple Tense

คำแนะนำในการใช้บทเรียน
เพื่อให้การศึกษาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง Present Simple Tense มีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผล นักเรียนควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1. ศึกษาจุดประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง Present Simple Tense   ให้เข้าใจโดยตั้งใจอ่านคำสั่ง ศึกษาเนื้อหาทีละตอน พร้อมกับอ่านตัวอย่างประกอบ ทำความเข้าใจให้ดีตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย  และที่สำคัญนักเรียนไม่ควรข้ามขั้นตอน
2. นักเรียนควรมีสมาธิในการศึกษาเรียนรู้เพื่อเกิดความเข้าใจอย่างมีระบบ
ไม่สับสน และมีความรับผิดชอบต่อตนเอง สำหรับการศึกษาเนื้อหาและทำแบบฝึกหัด
ให้จบแต่ละกรอบไปทุกครั้ง
3. เมื่อมีปัญหาหรือไม่เข้าใจคำสั่ง  คำอธิบาย เนื้อหา และตัวอย่างประกอบในแต่ละตอน ให้ปรึกษาเพื่อน ๆ หรือซักถามครูผู้สอนทันที
4. นักเรียนต้องทำแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน ด้วยตนเองอย่างรอบคอบและซื่อสัตย์ นักเรียนไม่ควรดูคำตอบก่อนทำแบบทดสอบ เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจคำตอบที่ถูกต้องจากเฉลย
5. เพื่อทบทวนความเข้าใจบทเรียนนักเรียนควรเริ่มอ่านบทเรียนไปตามลำดับขั้นตอนอีกครั้งหนึ่งหลังจากเข้าใจบทเรียนนั้นแล้ว
6. นักเรียนสามารถศึกษาได้ตลอดเวลาที่นักเรียนเห็นว่ามีความพร้อม มีความสนใจ  และต้องการเรียนรู้อย่างแท้จริง
7. ขอให้นักเรียนประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ สามารถฟัง
พูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษ ด้วยการใช้  
Present Simple Tense  ได้อย่างถูกต้อง          
 
แบบทดสอบก่อนเรียน
เรื่อง Present Simple Tense   (เวลา 20 นาที)
คำชี้แจง :  1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ
               2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนลงในกระดาษคำตอบที่กำหนดให้
Choose the best answer to complete each sentence.  จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด
1.  ข้อใดคือความหมายของ Present Simple Tense
            a.  ประโยคที่แสดงการกระทำในอดีต
            b.  ประโยคที่แสดงการกระทำในอนาคต
            c.  ประโยคที่แสดงการกระทำในปัจจุบัน
            d.  ประโยคที่แสดงการกระทำในขณะที่พูด
2.  He ________ a policeman.
            a.  isn’t
            b.  don’t
            c.  aren’t
            d.  am not
3.  Piyamat : _______ you a teacher?
     Sudarat : Yes, _________.
            a. Is / I am
            b. Are / I am
            c.  Is / I am not
            d.  Are / I am not                                                                                     
4.   A: Who_____ your best friend?
       B: Mary
a. is
b. am
c. are
d.  have
5. A: What ……..your parents names?
      B: Somya and Lamai
a. is
b. am
c. are
d.  has
6.  ข้อใดเป็นประโยคปฏิเสธ
            a. What do you do on Mondays?
            b. My mum doesn’t go to the beach.
            c. Pichai plays football everyday.
            d. Suchat and Sombat  read a book.
     7. Which sentence is Correct?                                              
a. Wanna go to the beach.                             
b. Dam sleeps on the bed.
c. Dam and Dang plays football.                                 
d. Joy study at Huasaibumrungrat School.
8. I _____ breakfast at 7.30 _____.
a. have/everyday                                 
b. have/usually
c. has/ always                                     
d. had/never                                                                      
9. Ratchapon: Do you  _____coffee?
     Yuranun: Yes, I do.
a. drink                                   
b. drinks
c. drinking                               
d. are drinking
10.  Mrs. Alice : What do you do on Saturdays?
       Mrs. Mary : I usually _____ cakes.
a. made                                  
b. makes
c. making                                
d. make
11. Which negative sentence is Correct?
a. He not read a book.            
b. He doesn’t read a book.                                                     
c. He doesn’t reads a book.   
d. He don’t read a book.                     
12. _____ don’t go to school by bus.
a. My sister                                          
b. My teachers
c. My student                          
d. Udom
13. Kanya : _____ usually have boiled rice for breakfast?
      Rapeepat : Yes, I usually have it for breakfast.
a. Is you                      
b. Are you       
c. Does you
d. Do you
14. Peerapon: Do the shops open on Sundays?
    Chanyanut: Yes, _____.
a. I do                         
b. it do.
c. you do                                 
d. they do                                                                                                 
15. Panupong  : What does she like to do?
     Pattamaporn  :
a. She can sing.                      
b. She is singing.
c. She likes singing.                            
d. She sings very well.
16. Kannika  : Which car_____   you _____ best? The red one or the black one?
      Wannisa  : The black one.
a. does, like                            
b. are, like
c. is, like                                 
d. do, like                                                                                
  17. Which questions is Correct?
a. Where are you come from?                                     
b. Where does you come from?          
c. Where is you come from?                           
d. Do you from where?
18. My father _____ takes a nap in the afternoon.
a. always                                 
b. everyday
c. many times                          
d. twice                                                                              
19. ประโยคข้อใดเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
a. She lives in Bangkok.          
b. The sun rises in the east.
c. They work in the hospital.               
d.  He plays tennis everyday.  
20.  She always sleeps late
       ประโยคดังกล่าวเป็นหลักการใช้ข้อใดของ Present Simple Tense
            a.  การกระทำที่เป็นปกติวิสัย
            b.  ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
            c.  ข้อเท็จจริงบอกสภาพหรือสภาวะ
            d.  การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นขณะที่พูด
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
1. c              11. b
2. a              12. b
3. b              13. d
4. a              14. d
5. c              15. c
6. b              16. d
7. b              17. a
8. a              18. a
9. a              19. b
10. d             20. A

Tense (กาล) คือ ตัวกำหนดรูปคำกริยา คำกริยาจะมีรูปเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทราบว่าการกระทำหรือเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบันหรือในอนาคตแบ่งเป็น 3 ชนิดใหญ่ ๆ  คือ
1. Present Tense  ปัจจุบันกาล           I go to school everyday.
2. Past Tense อดีตกาล                       I went to school yesterday.
3. Future Tense  อนาคตกาล               I will go to school tomorrow.
Tense แต่ละชนิด แบ่งเป็น Tense ย่อย ๆ ได้อีก 12 Tense (รูปกริยา 12 รูป) ซึ่งจะกล่าวถึง Tense แรกคือ Present Simple Tense
Present Simple Tense
Present Simple Tense  คือ ประโยคที่มีรูปกริยา (Verb Form) ที่แสดงถึงการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ใช้กับสิ่งที่เป็นจริงเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ ทางธรรมชาติ
เป็นข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานเป็นการบอกสภาพหรือสภาวะ  และใช้กับ
การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัย หรือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำสม่ำเสมอมักจะมีคำกริยาวิเศษณ์ บอกความถี่ของการกระทำ
(Adverb of Frequency)
Example :   Tom reads a newspaper everyday.   (ทอมอ่านหนังสือพิมพ์ทุกวัน)




Verb to be  (is  am  are) เป็นคำกริยาพิเศษ
กริยาพิเศษ (Anomalous Verb) ได้แก่ กริยาที่ใช้เป็นกริยาหลักก็ได้ ใช้เป็นกริยาช่วยก็ได้
เมื่อเป็นกริยาหลัก แสดงอาการจริง มีความหมาย คือแปลได้  จะมีความหมายว่า เป็น,อยู่, คือ
เช่น  He is a boy   (is = เป็น)
เมื่อเป็นกริยาช่วย ไม่มีคำแปล (เนื่องจากทำหน้าที่เพียงช่วยกริยาหลักเท่านั้น) เช่น  He is going เขากำลังไป (ไม่มีคำแปลของ is)

Verb to be มีรูปที่เป็น Present Tense 3 รูป ดังต่อไปนี้ คือ
          is, am, are  แปลว่า เป็น, อยู่, คือ ตัวใดตัวหนึ่งจะใช้ในความหมายใดก็ได้มีคุณสมบัติเป็นคำกริยา แต่มิได้ใช้แสดงท่าทางอาการของประธานแต่ใช้ในการแสดงสภาพและขยายประธานเพื่อให้ได้ใจความชัดเจน

V. to be จะเปลี่ยนไปตามประธานดังนี้

  am     ใช้กับประธานที่เป็น I เช่น  
          เช่น :  I am a girl.    (ฉันเป็นเด็กผู้หญิง)
  are   ใช้กับประธานที่เป็นพหูพจน์ และ You, We, They เช่น
         เช่น   You are a girl.    (เธอคือเด็กผู้หญิง)
is   ใช้กับประธานที่เป็นเอกพจน์ และ He, She, It เช่น
        เช่น   She is a girl.    (หล่อนเป็นเด็กผู้หญิง)

จงเติม ประธาน และ Verb to be (is, am, are) รูปย่อ ในช่องว่างให้ถูกต้อง
1.      A: Are you hungry?
B: No, but ___________thirsty.”
2.      A: Is Lisa at home?
B: No, ___________at work.
3.      A: Are you a teacher?
B: No, ___________a student.
4.      A: How are your parents?
B: ___________fine.
5.      A:  Are you tired?
B: No,_____________ fine.

เฉลย    1) I’m   2)  She’s  3) I’m  4) They’re 5) I’m

คุณสมบัติพิเศษของ V. to be
1. สามารถทำเป็นกริยาในประโยคบอกเล่า (Positive Form)
2. สามารถทำเป็นกริยาในประโยคปฏิเสธ  (Negative Form)
3. สามารถทำเป็นกริยาในประโยคคำถาม (Interrogative Form)

ประโยคบอกเล่า  Positive Form
Verb to be ที่ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะใช้เฉพาะ is, am, are  ซึ่งจะใช้แตกต่างกันตามประธานในประโยค โครงสร้างประโยคบอกเล่า (Positive)  คือ

Subject + V. to be (is, am, are) + Complement / object.
He is a dentist. (เขาเป็นทันตแพทย์)

ประโยคปฏิเสธ  Negative Form
วาง not หลัง is  am  are  ในรูปปฏิเสธเสมอสำหรับประโยคที่มี is, am, are อยู่ในประโยคนั้นก่อนแล้ว  ดังนี้
Subject + is/am/are + not + complement.

Example :      He is not a teacher.  (เขาไม่ได้เป็นครู)

ประโยคคำถาม (Interrogative Form)
Yes / No Question.
วาง Is / Am / Are ไว้หน้าประโยคสลับที่ระหว่างประธานกับกริยา ดังนี้

Is / am / are + Subject +……..?
Example :  Is he a manager? (เขาเป็นผู้จัดการใช่ไหม)

การตอบคำถาม  
ตอบได้ทั้งแบบยาว (long answer) และแบบสั้น (short answer)

Example :  Is she a doctor ? 

ตอบรับ
        แบบยาว  - Yes, she is a doctor. (ประโยคที่ตามมาจะเป็นบอกเล่า)
                    แบบสั้น  - Yes, she is.

ตอบปฏิเสธ
        แบบยาว  -  No, she is not a doctor (ประโยคที่ตามมาจะเป็นปฏิเสธ)
                    หรือ         -  No, she is not a doctor. She is a teacher.
                    แบบสั้น    - No, she is not.

หมายเหตุ  :  รูปปฏิเสธ จะใช้รูปย่อก็ได้   (is not = isn’t)

Question Words  เป็นประโยคคำถามเพื่อต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ที่ขึ้นต้นคำถามด้วย
W หรือ H บางครั้งเรียกว่า W-H Questions  ไม่สามารถตอบเป็น Yes/No ได้
โดยมีโครงสร้างประโยคดังนี้
Wh-question + is
                        am         + Subject + Complement ?
                        are
Example :
How old is Jim ? (จิมอายุเท่าไหร่)                       
-  He is twenty-two.  (ตอบแบบเต็ม = เขาอายุ 22 ปี)
-  twenty-two. (ตอบแบบสั้น = 22 ปี)

Where are you from ?  (คุณมาจากไหน)
-  I am from England.   (ตอบแบบเต็ม    = ฉันมาจากประเทศอังกฤษ)
-  England. (ตอบแบบสั้น = ประเทศอังกฤษ)

   Question Words คือประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Wh – และ How เช่น :
            What                =   อะไร                        Where              =   ที่ไหน
When               =   เมื่อไหร่                     Who                 =   ใคร
Why                  =   ทำไม                       How                 =   อย่างไร
How much       =   เท่าไหร่                     How often        =   บ่อยครั้งเท่าไหร่

จงเลือกคำตอบที่ถูกต้อง
1. A: ________ are we ?
    B: In Bangkok.
    a. How                     b. Where              c. What                    d. Who
2. A: _______ is your phone number ?
    B: 075-314827
    a. What                    b. Why                  c. When                   d. How much
3. A: ________ is your best friend?
    B: Mary
    a. Where                  b. Who                 c. When                   d. How often
4. A: ________ are your parents names?
    B: Somya and Lamai
    a.  How                    b. Where              c. When                   d. What
5. A: ________ is the party?
    B: At 7 p.m.
    a. Where                  b. Who             c. When                       d. How much

เฉลย  1) b        2) a      3) b      4) d      5) c